AI ได้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่อุตสาหกรรมทางการเงินไปจนถึงอุสาหกรรมการขนส่ง อย่างไรก็ตาม AI นั้นกลับมีอิทธิพลมากที่สุดในวงการแพทย์ และหนึ่งในการพัฒนาที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในก็คือการนำ AI มาใช้เพื่อตรวจหามะเร็งก่อนที่จะมีอาการรุนแรงขึ้น
เทคโนโลยี AI กำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและมีศักยภาพ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดได้พัฒนา ระบบ AI ที่สามารถตรวจจับมะเร็งผิวหนังได้แม่นยำถึง 91% ซึ่งแซงหน้าความแม่นยำของแพทย์ผิวหนังถึง 77% ยิ่งไปกว่านั้นระบบ AI ที่คล้ายกันกำลังได้รับการพัฒนาเพื่อตรวจหามะเร็งรูปแบบอื่น ๆ เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด และมะเร็งต่อมลูกหมาก เป้าหมายของการพัฒนาระบบนี้คือการทำให้การวินิจฉัยและการรักษาโรคมะเร็งเป็นเรื่องที่สะดวกและรวดเร็วขึ้น ด้วยการตรวจหามะเร็งในช่วงระยะเริ่มต้นและรักษาได้ทันเวลา ซึ่งอาจจะช่วยชีวิตคนนับพันได้
“AI จะพลิกโฉมการรักษาและวินิจฉัยโรคมะเร็งได้อย่างไร แล้วมันจะส่งผลอย่างไรต่ออนาคตของวงการแพทย์”
ประโยชน์ของ AI ในการวินิจฉัยและการรักษามะเร็งไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการตรวจหาเท่านั้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้ AI เพื่อพัฒนาแผนการรักษาเฉพาะบุคคลสำหรับผู้ป่วยมะเร็งด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลทางพันธุกรรมและประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ระบบ AI สามารถคาดการณ์ได้ว่าการรักษาใดที่น่าจะได้ผลมากที่สุดและวิธีใดไม่ได้ผล ทั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรโดยการลดการรักษาที่ไม่ได้ผล ซึ่งเป็นการพัฒนาทางการแพทย์ที่น่าสนใจมากในยุคปัจจุบัน
ในอนาคตวงการแพทย์จะเติบโตขึ้นอย่างมาก
เนื่องจากความก้าวหน้าของ AI ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการตรวจหา วินิจฉัยและการพัฒนาแผนการรักษาโรคมะเร็งเฉพาะบุคคล ด้วยความสามารถของ AI ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้วิธีการทำงานในการวินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น