ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการพูดถึงกันอย่างมากเกี่ยวกับ AI และศักยภาพของมันที่จะเปลี่ยนแปลงโลก แม้ว่า AI จะเป็นเทคโนโลยีแห่งการเปลี่ยนแปลง แต่ก็มีอีกเทคโนโลยีหนึ่งที่กำลังเริ่มจะถูกพัฒนนาขึ้นและอาจมีผลกระทบมากยิ่งขึ้นในชีวิตประจำวันของเรา นั่นคือเทคโนโลยีที่เรียกว่า the internet of things หรือ IoT ที่เป็นเครือข่ายของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อถึงกันและสามารถสื่อสารกันได้ ซึ่งอาจรวมถึงอะไรก็ได้ตั้งแต่เทอร์โมสตัทอัจฉริยะไปจนถึงรถยนต์ที่สามารถขับเคลื่อนได้จากระยะไกล ศักยภาพของ IoT นั้นมีมากมาย และเริ่มถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างกว้างขว้าง
หนึ่งในแอปพลิเคชั่นที่น่าสนใจของ IoT คือ ในด้านการดูแลสุขภาพ ตัวอย่างเช่น โรงพยาบาลสามารถใช้เซ็นเซอร์เพื่อติดตามสัญญาณชีพของผู้ป่วยแบบเรียลไทม์ สิ่งนี้จะช่วยให้แพทย์สามารถระบุปัญหาได้อย่างรวดเร็วและดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้อาการแย่ลง
เทคโนโลยีที่ใหญ่กว่า AI
เทคโนโลยีที่ใหญ่กว่า AI กำลังจะถูกพัฒนาให้กลายเป็นความจริง ด้วยการถือกำเนิดของเทคโนโลยี Blockchain เรากำลังจะได้เห็นยุคใหม่ของ trustless systems ซึ่งอาจเปลี่ยนวิถีชีวิตและการทำงานของเรา
Blockchain คืออะไร?
Blockchain คือ บัญชีที่เก็บข้อมูลของการทำธุรกรรมทั้งหมดแบบแยกประเภทดิจิทัล แต่ละธุรกรรมจะถูกตรวจสอบและบันทึกในบล็อก และแต่ละบล็อกจะเชื่อมโยงไปยังบล็อกก่อนหน้า เพื่อสร้างบันทึกถาวรของธุรกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ข้อดีของ Blockchain คือ บันทึกเหล่านี้จะกระจายอยู่ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ทำให้แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะดัดแปลงหรือแก้ไข สิ่งนี้ทำให้บล็อกเชนเหมาะสำหรับการใช้งานที่ความไว้วางใจเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การทำธุรกรรมทางการเงินหรือการลงคะแนนเสียงต่าง ๆ
Blockchain จะเปลี่ยนโลกได้อย่างไร?
การใช้เทคโนโลยี Blockchain อาจเป็นตัวเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและการทำงานของเราได้อย่างมากมาย เช่นเดียวกับการซื้อบ้านได้โดยไม่ต้องมีธนาคาร ด้วยการจัดเก็บโฉนดบ้านในบัญชีแบบกระจายอำนาจผ่าน Blockchain ทำให้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบุคคลที่สามในการตรวจสอบการทำธุรกรรม ทำให้กระบวนการดำเนินได้รวดเร็วและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
อีกตัวอย่างหนึ่งคือการลงคะแนนเสียง ด้วยการใช้ Blockchain สามารถทำให้การลงคะแนนเสียงเป็นระบบที่โปร่งใสและปลอดภัย โดยการลงคะแนนที่เก็บไว้ใน Blockchain จะไม่สามารถปลอมแปลงได้ ทำให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างยุติธรรมและเป็นระบบที่โปร่งใสมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ การใช้ Blockchain ยังสามารถสร้างแอปพลิเคชันอื่น ๆ ได้อีกมากมาย เช่นการสร้างอินเทอร์เน็ตแบบกระจายอำนาจ โดยข้อมูลจะถูกจัดเก็บไว้ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์แทนที่จะเป็นบนเซิร์ฟเวอร์ส่วนกลาง ทำให้ข้อมูลมีความปลอดภัยและป้องกันการถูกแก้ไขอย่างไม่เหมาะสมในอนาคต
ความท้าทายของมันคืออะไร?
Blockchain ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและยังมีอีกหลายสิ่งที่ยังต้องแก้ไขเพื่อให้สามารถบรรลุศักยภาพสูงสุดได้ตัวอย่างเช่น ปัจจุบัน blockchain ทำงานช้ามากเมื่อเทียบกับฐานข้อมูลแบบเดิม เนื่องจากแต่ละบล็อกต้องได้รับการตรวจสอบโดยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ก่อนที่จะเพิ่มลงในเครือข่ายได้ อีกทั้งยังต้องมีการปรับขนาด เมื่อมีการใช้งาน blockchain มากขึ้น เครือข่ายก็จะช้าลงและแออัดมากขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องแก้ไขก่อนที่ blockchain จะถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย และปัญหาด้านความปลอดภัยของ blockchain ก็ยังคงเป็นปัญหาที่ต้องระวังอย่างมาก เนื่องจากมีการแฮ็กการแลกเปลี่ยน cryptocurrency ได้ เพราะฉะนั้นการเพิ่มความปลอดภัยให้กับ blockchain เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน โดยการใช้เทคโนโลยีที่เข้ารหัสข้อมูลและการตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้งานอาจจะช่วยลดปัญหาด้านความปลอดภัยได้
ประโยชน์ของเทคโนโลยีที่เหนือกว่า AI
Internet of Things (IoT) เป็นเครือข่ายของวัตถุทางกายภาพที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต เพื่อรวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยมีอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ยานพาหนะ, อาคาร และวัตถุอื่น ๆ ที่ติดตั้งเซ็นเซอร์และเทคโนโลยีอื่น ๆ เพื่อช่วยให้เราสามารถรวบรวมข้อมูลจำนวนมหาศาลได้ เช่น เซ็นเซอร์ที่ติดอยู่กับวัตถุสามารถรวบรวมข้อมูลได้อย่างมากมาย ซึ่งสามารถนำมาปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบ เพื่อช่วยในการตัดสินใจที่ดีขึ้น และยังสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์และระบบที่ไม่เคยเชื่อมต่อมาก่อนได้
นอกจากนี้เทคโนโลยี IoT ยังมีประโยชน์ในการปรับปรุงความปลอดภัยของผู้คนและอุปกรณ์ เช่น เซ็นเซอร์ตรวจพบปัญหากับอุปกรณ์ชิ้นหนึ่ง ก็สามารถส่งสัญญาณเพื่อปิดอุปกรณ์ก่อนที่จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ นอกจากนี้ยังมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตและการทำงานของเราอีกด้วย
ความท้าทายของเทคโนโลยีที่ใหญ่กว่า AI
เรากำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ซึ่งมี AI เป็นส่วนสำคัญ แต่มีเทคโนโลยีอีกหนึ่งอย่างที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและการทำงานของเราอย่างมาก นั่นคือ ควอนตัมคอมพิวเตอร์
ถึงแม้ว่าควอนตัมคอมพิวเตอร์จะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและการทำงานของเราอย่างมาก ความสามารถในการแก้ปัญหาที่ยากลำบากที่ไม่สามารถแก้ไขได้โดยเทคโนโลยีในปัจจุบัน และเปิดโอกาสใหม่ในการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ไม่สามารถทำได้ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ควอนตัมคอมพิวเตอร์ก็มีความท้าทายที่สำคัญเช่นกัน แต่ก็มีโอกาสในการพัฒนาและการใช้งานอย่างมากมาย ในบทความนี้เราจะสำรวจความท้าทายและโอกาสของควอนตัมคอมพิวเตอร์ และเหตุใดเป็นเทคโนโลยีที่ใหญ่กว่า AI โดยทั่วไปแล้ว
คอมพิวเตอร์ควอนตัมคืออะไร?
การคำนวณแบบควอนตัมเป็นการคำนวณที่ใช้หลักการของกลศาสตร์ควอนตัมเพื่อแก้ปัญหาที่ไม่สามารถคำนวณได้ด้วยคอมพิวเตอร์แบบเดิม คอมพิวเตอร์ควอนตัมสามารถใช้พฤติกรรมที่แปลกและต่อต้านกับสัญชาตญาณของอนุภาคควอนตัมเพื่อสร้างข้อมูลในการคำนวณ ซึ่งทำให้คอมพิวเตอร์ควอนตัมสามารถคำนวณได้เร็วกว่าคอมพิวเตอร์แบบเดิม
คอมพิวเตอร์ควอนตัมเริ่มต้นใช้งานจริงในช่วงต้นทศวรรษ 1980 แต่ก่อนหน้านั้นได้รับความสนใจมาก่อนเนื่องจากศักยภาพของมัน แต่คอมพิวเตอร์ควอนตัมเครื่องแรกมีขนาดใหญ่ ราคาแพง และต้องการผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความเข้าใจเฉพาะทาง แต่ตอนนี้ความสามารถของคอมพิวเตอร์ควอนตัมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีจำหน่ายจากผู้ผลิตหลายราย
อย่างไรก็ตาม การใช้งานคอมพิวเตอร์ควอนตัมยังเป็นความท้าทาย โดยเฉพาะเรื่องของการแยกคอมพิวเตอร์ควอนตัมจากสภาพแวดล้อม ซึ่งอาจทำให้คอมพิวเตอร์ควอนตัมใช้งานได้ยากและไม่เหมาะกับการใช้งานหลาย ๆ อย่าง แต่หากสามารถจัดการสิ่งเหล่านี้ได้ เครื่องคอมพิวเตอร์ควอนตัมก็จะสามารถเข้าถึงได้มากขึ้นเรื่อย ๆ