อย่างที่เราทราบกันดีว่า AI นั้นกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และได้ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องในทศวรรษที่ผ่านมานี้ ผมเชื่อว่าหลายๆ ท่านอาจจะเคยได้ลองใช้งาน AI เหล่านั้นกันมาบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ChatGPT หรือ AI ตัวอื่นๆ แล้วคุณเคยส่งสัยไหมว่าอนาคตของ AI นั้นจะเป็นอย่างไรกันนะ มันจะเปลี่ยนโลกเราไปอย่างสิ้นเชิงเลยหรือเปล่า? หรือมันจะหยุดอยู่แค่นี้กัน? มันจะล้ำไปได้มากกว่านี้อีกไหมนะ? วันนี้เราจะพาคุณไปสำรวจเรื่องราวเหล่านั้นกัน กับเรื่อง “อนาคตของ AI”
AI จะแพร่หลายและหลวมรวมเข้ากับชีวิตของเรามากขึ้น
หนึ่งในแนวโนมที่เป็นไปได้มากที่สุดเลยคือการที่ มันแพร่หลายและหลวมรวมเข้ากับชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น อุปกรณ์และแอพพลิเคชั่นต่างๆ จะถูกขับเคลื่อนด้วย AI มากขึ้น และพวกอุปกรณ์และแอพพลิเคชั่นต่างๆ เหล่านี้แหล่ะที่มันจะเริ่มเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะเป็น บ้าน ยานพาหนะ สถานที่ทำงาน หรือแม้แต่สวนสาธารณะต่างๆ ด้วย มนุษย์เราจะเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับ AI และแชทบอทมากขึ้น AI นั้นจะเข้ามาอยู่ในชีวิตของเราตั้งแต่เรื่องของการช็อปปิ้ง ไปจนถึงเรื่องการดูแลสุขภาพ
AI จะมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น
ความก้าวหน้าในการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) และระบบการเรียนรู้ด้วยตนเองของโปรแกรม (ML) จะทำให้ AI เริ่มมีความคล้ายคลึงกับมนุษย์มากยิ่งขึ้นในแง่ของการโต้ตอบ เราอาจจะได้เห็น AI ที่มีความฉลาดทางด้านอารมณ์ ที่สามารถเข้าใจและตอบสนองต่ออารมณ์ของมนุษย์ได้ AI ที่จะสามารถเข้าใจพฤติกรรมที่แสนจะซับซ้อนของมนุษย์ได้ และสามารถตัดสินใจด้วยตัวมันเองได้
AI จะถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มพูนสติปัญญาของมนุษย์
AI จะถูกใช้มากขึ้นเพื่อเพิ่มพูนสติปัญญาของมนุษย์ ซึ่งจะรวมไปถึงการพัฒนาเครื่องมือและแอพพลิเคชั่นที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่สามารถช่วยให้เราแก้ปัญหาที่ซับซ้อนและตัดสินใจได้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น สามารถใช้ AI เพื่อช่วยแพทย์วินิจฉัยและรักษาโรค หรือช่วยนักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ได้
AI จะโปร่งใสมากขึ้นและจะมีความสามารถในการอธิบายได้ดียิ่งขึ้น
หนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของ AI คือการขาดความโปร่งใสและความสามารถในการอธิบาย สิ่งนี้ทำให้มนุษย์เข้าใจได้ยากว่าระบบ AI มาถึงการตัดสินใจของพวกเขาได้อย่างไร ซึ่งอาจนำไปสู่ความไม่ไว้วางใจและความสงสัย ในทศวรรษหน้า เราจะเห็นการผลักดันไปสู่ระบบ AI ที่อธิบายได้และโปร่งใสมากขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างความไว้วางใจและความมั่นใจในเทคโนโลยีมากขึ้น
AI จะถูกนำมาใช้เพื่อจัดการกับความท้าทายทางสังคมที่ใหญ่ยิ่งขึ้น
AI จะถูกใช้มากขึ้นเพื่อรับมือกับความท้าทายทางสังคมที่สำคัญ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การดูแลสุขภาพ และการศึกษา ตัวอย่างเช่น สามารถใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดการปล่อยคาร์บอน หรือเพื่อพัฒนาการรักษาพยาบาลเฉพาะบุคคลสำหรับผู้ป่วยตามองค์ประกอบทางพันธุกรรมของพวกเขา
AI จะขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ
การนำ AI มาใช้เพิ่มขึ้นคาดว่าจะขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญในทศวรรษหน้า ตามรายงานล่าสุดของ Accenture AI สามารถเพิ่มมูลค่า 16 ล้านล้านดอลลาร์ให้กับเศรษฐกิจโลกภายในปี 2573 ซึ่งจะสร้างโอกาสในการทำงานใหม่ในสาขาที่เกี่ยวข้องกับ AI เช่น วิทยาศาสตร์ข้อมูลและวิศวกรรมแมชชีนเลิร์นนิง
AI จะนำมาซึ่งความท้าทายด้านจริยธรรมและกฎระเบียบใหม่ๆ
เมื่อ AI แพร่หลายมากขึ้นและรวมเข้ากับชีวิตประจำวันของเรา ก็จะนำมาซึ่งความท้าทายด้านจริยธรรมและกฎระเบียบใหม่ๆ ตัวอย่างเช่น จะมีคำถามเกี่ยวกับการใช้ AI ในการจ้างงานและการตัดสินใจจ้างงาน และข้อกังวลเกี่ยวกับอคติและการเลือกปฏิบัติที่อาจเกิดขึ้นในระบบ AI
โดยสรุปแล้ว ทศวรรษหน้าจะนำมาซึ่งความก้าวหน้าครั้งสำคัญในเทคโนโลยี AI ซึ่งจะส่งผลกระทบในวงกว้างต่อบุคคล ธุรกิจ และสังคมโดยรวม แม้ว่าการพัฒนาเหล่านี้จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมาก แต่ก็จะนำมาซึ่งความท้าทายใหม่ ๆ ที่จะต้องได้รับการแก้ไขด้วย ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องจัดลำดับความสำคัญของการวิจัยและพัฒนาด้าน AI อย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็คำนึงถึงผลกระทบทางจริยธรรมและสังคมของเทคโนโลยีนี้ด้วย